แสนสิริ ชี้ตลาดอสังหาแนวราบโต หลังพบดีมานต์คนไทย-ต่างชาติพุ่ง ขานรับ New normal กระแสทำงานที่บ้าน ต่างชาติแห่ปักธงบ้านหลังที่สองหลังพบสาธารณะสุขไทยดี ประกาศแผนบุกแนวราบ ปั้น “Sansiri Housing Evolution” เปิด 10 โครงการทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม
อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยวิเคราะห์จากดีมานด์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และจากเทรนด์อยู่อาศัยที่คนไทยต้องการมีบ้าน 2 หลัง ทั้งคอนโดมิเนียมที่อยู่ในเมือง เพื่อการเดินทางทำงานที่สะดวก
ขณะที่ยังมีความต้องการบ้านชานเมืองเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีความปลอดภัยมากกว่า ยังรวมถึงการเปลี่ยนไปของพฤติกรรมการใช้ชีวิต ในรูปแบบ Work From Home ที่ทำให้ดีมานด์ของบ้านแนวราบเพิ่มสูงขึ้น จากการมองหาบ้านที่มีพื้นที่กว้างขึ้น เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวในการทำงานที่บ้าน
กลุ่มลูกค้าบางกลุ่มเริ่มมองหาบ้านหลังใหญ่ที่สามารถ Social Distancing ได้ หรือต้องการแยกครอบครัวออกจากครอบครัวใหญ่เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น ยังรวมไปถึงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มองหาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเป็นบ้านหลังแรกเพิ่มขึ้นในปัจจุบันอีกด้วย
เปิดแผนบุกครึ่งปีหลังรั้งเบอร์1 อีก 3 ปี
สำหรับกลยุทธ์การตลาดแนวราบของแสนสิริ เปิดตัว “Sansiri Housing Evolution” ที่มุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการทุกเซกเมนต์ โดยปรับและเปลี่ยนด้วยการปฎิวัติ 5 ด้าน ภายใต้ชื่อ “Sansiri Housing Evolution” บ้านมาตรฐานใหม่ที่เข้าใจและเข้าถึงทุกคน สู่อันดับหนึ่งผู้นำแนวราบ ดันยอดขายพุ่ง 1.2 แสนล้านบาท ใน 3 ปี (2563-2565) โดยทางทาวน์เฮ้าส์ เป็นอันดับ 1 และทาวน์โฮม รั้งอันดับ 3 สำหรับปีนี้ยอดขายแนวราบ 18,000 ล้านบาท
- Brand & Product แสนสิริ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในฐานะที่เป็น “แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” ผ่านการเลือก Strategic Location อยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าในทุกระดับราคา
- Design การปรับดีไซน์แบบบ้าน ตลอดจนปรับพื้นที่การใช้งานให้เป็นพื้นที่มัลติ-ฟังก์ชั่นสอดคล้องกับพฤติกรรมที่คนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น รองรับการใช้งานของสมาชิกในบ้านตามแนวคิด At Home Concept และไตรมาส 3 เปิดโครงการใหม่ จะมีการพัฒนา Touchless Society
- Service Intelligent แสนสิริได้วางมาตรฐานการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคตรวมกับวิถีชีวิตได้อย่างลงตัว ทั้งการบริการหลังการขายที่ครอบคลุมตั้งแต่ระบบรักษาความปลอดภัยทั้งของลูกบ้าน
- Green Living มุ่งมั่นสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการส่งเสริมให้ลูกบ้านสร้างพื้นที่สีเขียว มี Green Backyard ของตัวเองที่บ้าน สนับสนุนแนวคิด Food Community โดยจัดพื้นที่ฟาร์มส่วนกลางในการสร้างองค์ความรู้และแบ่งปันอุปกรณ์
- Security System การพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ด้วย LIV-24 เทคโนโลยีด้านการดูแล
ความปลอดภัยและจัดการระบบวิศวกรรมเต็มรูปแบบแห่งแรกของอสังหาฯในไทย ที่สามารถดูแลความปลอดภัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอย พบว่าลูกค้าเริ่มมาดูโครงการ อสังหาฯ เพิ่มมากขึ้น และยังมีปัจจัยบวกอัตราดอกเบี้ยเหลือสินเชื่อซื้อบ้าน 2% คงที่เป็นระยะเวลา 3 ปี การท่องเที่่ยวระหว่างประเทศเริ่มฟื้นตัว จากมาตรการเปิดให้นักท่องเที่ยวบางประเทศออกนอกประเทศได้ รวมทั้งประเทศไทยมีระบบสาธารณสุขที่ดีจึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในหลากหลายด้าน”
ดีมานด์ตลาดต่างชาติจะกลับมา
แสนสิริ มองว่า ดีมานด์ที่อยู่อาศัยในตลาดต่างชาติจะกลับมา โดยความสำเร็จในการสร้างยอดขายอันดับ 1 ในตลาดต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เรามองเห็นดีมานด์ความต้องการจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่จะมองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความปลอดภัยและมีระบบสาธารณสุขที่ดี
“การรับมือการแพร่ระบาด Covid-19 ทั่วโลกเล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของไทย นอกจากนี้ยังเป็นประเทศฟื้นตัวจากโควิด-19 อันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย จาก 184 ประเทศทั่วโลก จากการจัดอันดับ Global COVID-19 Index”
สำหรับแสนสิริจึงมุ่งเจาะกลุ่มตลาดต่างชาติ อาทิ จีน ยุโรป สแกนดิเนเวีย ที่ต้องการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ (Leasehold) ในรูปแบบบ้านหรือทาวน์โฮมอย่างเต็มที่ พร้อมมองหาโอกาสและช่องทางการเจาะตลาดในรูปแบบอื่นๆ จากการเห็นโอกาสทางการตลาด จากความสำเร็จ ในการขายโครงการบุราสิริ สันผีเสื้อ จ.เชียงใหม่ ในรูปแบบ Leasehold ในช่วงที่ผ่านมา
จึงมุ่งเจาะกลุ่มตลาดต่างชาติที่ต้องการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ (Leasehold) ในรูปแบบบ้านหรือทาวน์โฮมอย่างเต็มที่ พร้อมมองหาโอกาสและช่องทางการเจาะตลาดในรูปแบบอื่นๆ จากการเห็นโอกาสทางการตลาด จากความสำเร็จ
ในการขายโครงการบุราสิริ สันผีเสื้อ จ.เชียงใหม่ ในรูปแบบ Leasehold ในช่วงที่ผ่านมา จากแนวโน้มดีมานด์การเติบโตของตลาดแนวราบ แสนสิริจึงเปิดตัว “Sansiri Housing Evolution” ที่มุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการทุกเซกเมนต์ โดยเราวางเป้ายอดขายแนวราบในปีนี้ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้ยอดขายของแสนสิริก้าวสู่ 1.2 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายอุทัยกล่าว
เปิด 12 โครงการใหม่ ครึ่งปีหลัง
อุทัย กล่าวว่า การเปิดตัวโครงการใหม่ ยังมีความรัดกุม จากความพร้อมในการปรับเปลี่ยนตามทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 16,900 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,300 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ กุญแจหลักสำคัญที่จะผลักดันแสนสิริ ให้บรรลุเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น ดังนั้นกำไรที่เพิ่มขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง โดยรวมแล้วประมาณการณ์ 27-29% มาจากการโฟกัสโครงการแนวราบเป็น Strategic Flagship ควบคู่ไปกับการรักษายอดขายและยอดโอนโครงการคอนโดมีเนียม โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อีก 4 โครงการใหม่ ได้แก่ เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่, XT เอกมัย และ La Habana หัวหิน เป็นต้น
อาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในครึ่งปีแรก โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมของแสนสิริมียอดขายเป็นอันดับ 1 โดยปิดการขายไปถึง 13 โครงการ มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท ในครึ่งปีหลัง โครงการแนวราบจะเป็น Strategic Flagship ในการรุกตลาด เราจึงได้เตรียมเปิดโครงการแนวราบ อีก 10 โครงการ แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ 2 โครงการ, บ้านเดี่ยวแบรนด์สราญสิริ 1 โครงการ ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ในเซกเมนต์ Medium และ Affordable ที่ได้รับการตอบรับสูง ในแบรนด์ อณาสิริ 4 โครงการ และสิริ เพลส 3 โครงการ
โตสวนกระแสปรับยอดขายเพิ่ม
สำหรับในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมายอดขายของบริษัทเติบโตสวนกระแส ทำให้บริษัทปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นจาก 29,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 35,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ทั้งแนวราบและแนวสูงยังสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัทมียอดโอนแล้ว 18,200 ล้านบาท และความมั่นใจใน Secure backlog ในมือที่จ่อคิวโอนแล้วอีก 16,200 ล้านบาท
ดังนั้นเป้าหมายการโอนในปีนี้จึงปรับเพิ่มจาก 33,000 ล้านบาท เป็น 39,000 ล้านบาท เท่ากับว่าบริษัทมีเป้าหมายที่ต้องโอนเพิ่มอีกเพียง 4,600 ล้านบาทเท่านั้น จึงคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์แสนสิริ และตอกย้ำการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านได้เป็นอย่างดี
June 16, 2020 at 07:42AM
https://ift.tt/30NQO98
แสนสิริ รุกแนวราบหนัก รับเทรนด์ตลาดโตก้าวกระโดด 3 ปีรั้งเบอร์หนึ่งกวาด 1.2 แสนล้านบาท - Businesstoday
https://ift.tt/3azMLPC
Home To Blog
No comments:
Post a Comment